ฝันให้ไกล (การ์ตูนไทย) และไปให้ถึง (การ์ตูนโลก) กับ_ B.BOYd Characters.

ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เวลาว่างของเขาไม่ว่าจะกี่มากน้อย เขาไม่สนใจที่จะใช้ไปสำหรับ การดูหนังฟังเพลงเหมือนอย่างคนอื่นนัก เพื่อนผมคนนี้ เขาไม่ไปไหนไกลเก้าอี้ทำงานเลยครับ แค่หยิบหนังสืออ่านซักเล่มก็ดึงตัวเขาไว้ได้ตลอดวันแล้ว และประเภทหนังสือที่ผมเห็นเขา อ่านอยู่สม่ำเสมอก็คือ การ์ตูน

ผมเคยถามเพื่อนคนนั้นว่า การ์ตูนมันช่วยแก้เครียดแก้เซ็งได้จริงหรือ ผมถามไปด้วยความเข้าใจของคนที่เลิกอ่านการ์ตูนมานานแล้ว

แต่นั่นกลับทำให้เพื่อนผมคนเดิมขุ่นเคืองใจ พร้อมย้อนมาว่า คนที่อ่านหนังสือเป็น เขาไม่เห็นว่าการ์ตูนเป็นแค่หนังสือฆ่าเวลาหรอก การ์ตูน มีคุณค่ามากกว่านั้น...

คำตอบนี้ทำเอาผมอึ้งไปเลยครับ ไม่กล้าสบตาตรงๆเลยเฉไฉไปที่ การ์ตูนเรื่องที่เขาอ่าน_ The Se-Cret Agent_ การ์ตูนเล่มนี้เองที่ทำให้ผมหน้าแตก

ไหนดูซิ เรื่องมันเป็นยังไง อะไรเนี่ย ปลาหมึกพูดได้ อยู่ร่วมกับมนุษย์ เป็นนักสืบด้วย เฮ้ย นี่มันโอเว่อร์ทั้งนั้นเลย เพื่อนผมคนเดิมตอกกลับมาทันควัน

ก็นี่มันการ์ตูนนะ ไม่ใช่สารคดีชีวิตจริงรู้จักไหมเพื่อความบันเทิงน่ะ!...ก่อนที่เขาจะอารมณ์เสียมากไปกว่านี้ ผมจึงขอถอยฉากมาซะ

"นี่ฝีมือคนไทยนะ ทำได้ดีทีเดียว คอยดูต่อไปซิ ดังแน่" เพื่อนผมพูดทิ้งท้ายไว้ และนั่นก็เป็นเหตุที่ทำให้ผมมาถึงที่นี่ ต้นสังกัดของการ์ตูนเรื่องดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เพื่อนผมพูดนั้นไม่ได้เกินจริง กับทีมการ์ตูนไทยกลุ่มนี้_ B.BOYd Characters.

"เราจะทำอย่างไรให้งานการ์ตูน ออกมาเป็นที่ยอมรับกับสังคมทั้งหมด ให้มันเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เมืองไทยดังเพียงแค่ ภาพยนตร์โฆษณา

หรือมีแค่ตัวการ์ตูนจากป้ายที่ติดเตือนโน่นเตือนนี่ เราก็อยากให้มีวัฒนธรรมของตัวการ์ตูนมาแทรกอยู่ในทุกอณู ในชีวิตประจำวันของคนไทย

ให้คนไทยเห็นการ์ตูนไทยแล้วชอบ แล้วก็รักมัน ไม่ใช่ว่าชอบแบบมาช่วยส่งเสริมกันหน่อยเนี่ย ไม่เอา"

...คำทักทายที่บ่งบอกถึงเป้าหมายจากกลุ่ม B.BOYd Characters. หนึ่งในองค์กรของบริษัท เบเกอรี่ มิวสิค ที่ถือกำเนิดมาได้ 2ปีแล้ว

วัยรุ่นเมืองไทยส่วนมากน่าจะรู้จักกลุ่มนี้ดีเพราะจุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากนิตยสาร Katch นิตยสารวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้_ B.BOYd เริ่มต้นจากแนวคิดของบอย โกสิยพงษ์_ หนึ่งในสามขุนพลของเบเกอรี่ที่ต้องการสร้างการ์ตูนโดยฝีมือคนไทยอย่างที่เคยฝันไว้

จากโปรเจกต์การ์ตูน "คริสติน" เมื่อหลายปีก่อนของบอย โกสิยพงษ์นี่เอง ที่ดึงให้ ตู่- ภัคพงษ์ สันธะพานิชและ เป๊ก- พิทักษ์พงษ์ เจียมศรีพงษ์_

สองนักวาดการ์ตูนฝีมือดีจากหนังสือ a-comic มีโอกาสมาร่วมงานด้วยกัน หลังจากนั้น จ๊อด - วัชระ ส่งสมบูรณ์_ ผู้ร่วมทีมจาก a-comic อีกคนจึงได้ตามมา

เมื่อทีมเริ่มมีกำลังคนมากขึ้น B.BOYd Characters. จึงเปิดตัวด้วยผลงาน The Se-Cret Agent เรื่องราว แอคชั่น คอมมิดี้ แฟนตาซี ของสายลับหัวปลาหมึกในโลกอนาคตยุคที่สัตว์น้ำขึ้นบก ซึ่งตอนนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงขั้นจัดรวมเล่ม 1 และ 2ออกมาแล้ว

ช่วงเวลาเดียวกันที่ Manga Katch นิตยสารการ์ตูนจากฝีมือของทีม B.BOYd ก็ประกาศศักดาอย่างเต็มตัวถึงความพยายามของการ์ตูนไทยที่สร้างแ นวทางให้หลากหลายมากขึ้น ด้วยจำนวนลูกทีมที่เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน จนตอนนี้มีการ์ตูนหลายเรื่องที่ฮิตติดตลาดไปแล้ว อย่าง Mambo , Si-gum, heshehit หรือ ที่ฮือฮาก็เมื่อทาง B.BOYd ได้ขอซื้อลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์จากคนจริง เซียนตลกของเมืองไทย คุณ ล้อต๊อก เพื่อนำสร้างเป็นการ์ตูน "ล้อต๊อก"

การ์ตูนน่ารักไร้พิษภัยสำหรับเด็กๆ...

"เราจะหาการ์ตูนซักเรื่อง ที่ทำยังไงให้มันดังทั้งประเทศเราก็สรุปว่าควรจะเป็นการ์ตูนตลก คิงออฟตลกของไทยก็มีป๋าต๊อกและพี่บอยเองก็ชอบป๋าเขาเป็นการส่วนตัวด้วย และก็อยากจะสนับสนุนในจุดที่ว่าเขาเป็นศิลปินแห่งชาติ เราก็อยากจะทำอะไรเหมือนที่เมืองนอกเขาทำ

คือซื้อลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง รายได้ส่วนหนึ่งก็จะหักเข้าเป็นทรัพย์สินของป๋าไปเราไม่อยากให้ศิลปินอาวุโสถูกทอดทิ้งคือ เด็กจะรู้จักคาแรกเตอร์ที่เป็นแดรกคูล่าแต่ผู้ใหญ่ก็อาจจะคิดถึงความเป็นตัวตนจริงๆของป๋าต๊อก แต่เด็กเขาจะไม่สนใจตัวจริงป๋าจะเป็นอย่างไร จะสูบบุหรี่หรือเปล่า เขาจะสนใจแค่ป๋าเป็นแดรกคูล่าแต่เด็กก็จะรู้จักตัวตนของป๋าจากการ์ตูนได้ง่ายขึ้นมากกว่าที่จะเป็นรูปเก่าๆในอดีต"...ผมได้ทำความรู้จักกับทีมงานหลายคนใน B.BOYd แล้วนักวาดการ์ตูนหน้าใหม่บางคนยังอายุไม่มากนัก จัดได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงเลยทีเดียว และผมก็ได้เวทีเสวนากับ คุณตู่

ที่ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งEditor- in-Chif . คอยควบคุมภาพรวมของการ์ตูนทุกเรื่องใน B.BOYd_ ไม่ต้องสงสัยในฝีมือลายเส้นของเขา "คริสติน"

ผลงานในอดีตเป็นตัวยืนยันความสามารถได้อย่างดี ตามด้วยพี่ใหญ่อีกสองคน คุณเป๊ก Commic Artist เจ้าของการ์ตูนวัยรุ่นเรื่อง Mambo_ อีกทั้งยังเป็น Head of Toys Development dept. ดูแลด้านผลิตภันฑ์ของเล่นจากคาแรกเตอร์ตัวละครในการ์ตูน และคุณจ๊อด Commic Artist ผู้เขียน "ล้อต๊อก" และ "Power Pat" มาร่วมวงพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

ผมจะไม่ถามว่า ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะมาทำการ์ตูน เพราะถ้าเขาคิดว่าการมาทำตรงนี้มันไม่มีค่า ผมคงไม่ได้เห็นพวกเขาที่นี่หรอก

ตู่ เราคิดว่าที่เราทำคือการเล่าเรื่องจะไม่คิดว่ามันเป็นการ์ตูนอย่างเดียว เราคิดว่ามันเป็นงานกราฟฟิค เราจะคิดว่ามันเป็นหนังด้วยซ้ำไป มีการออกแบบเสื้อผ้ามีการกำกับมุมกล้อง ทำโน่นทำนี่ เป๊ก จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากกับการ์ตูน มันจะต้องเขียนบทกำกับภาพ

แล้วเราจะต้องเขียนขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้เอากล้องไปตั้งตรงนั้น ถ้าถ่ายรูปมาก็ต้องเอามาเขียนตามรูปอีกที ผมว่าคนที่ทำงานตรงนี้ต้องทำงานหนักพอสมควร โดยส่วนใหญ่คนที่เขาพอเขียนการ์ตูนได้ เขาก็ไม่ค่อยทำกันนะที่ผมรู้จักเป็นเพราะรายได้มันน้อย หรือในเรื่องของการดูถูกดูแคลน ไปทำงานโฆษณาดีกว่า

ไม่ต้องมาเขียนการ์ตูน มันดูไม่เป็นโล้เป็นพาย

เพราะเราอาจจะถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ว่าการ์ตูนมันไร้สาระ

แต่ผมจะบอกให้อย่างเลยว่า ประเทศทุกประเทศที่เขาเจริญแล้ว ก็เพราะเขาจะรักการอ่าน

จุดแรกที่เด็กอ่านคืออะไร คือการ์ตูน ผู้ใหญ่เราบอกว่าห้ามไปอ่านการ์ตูน

ผมว่าเป็นจุดที่ผิดมหันต์"

ฟังน้ำเสียงของคุณเป๊กแล้ว

รู้สึกว่าเขาจะมีความคับข้องใจเกี่ยวกับทัศนคติของผู้ใหญ่กับเรื่องการ์ตูนอยู่

ตัวผมเองมองว่าการ์ตูนมันก็เหมือนดาบสองคม

เพราะการ์ตูนหลายเรื่องก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร มากไปกว่าความสะใจ

หรือเพื่อยั่วยุ แต่แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ทั้งหมด

และฝ่ายที่จะได้รับผลกระทบตรงนี้มากที่สุด ก็หนีไม่พ้นคนทำการ์ตูนนั่นเอง

จ๊อด คือเราไม่อยากดูถูกคนอ่านนะครับ ว่าให้ใช้วิจารญาณของตนเองไม่เป็น

ไม่สามารถแยกแยะอะไรได้

เพียงแต่ว่าเราก็เซฟความไม่เหมาะสมในส่วนของเราไว้ส่วนหนึ่งก่อน

ซึ่งมันก็จะเบาลงเมื่อปล่อยมันออกไป แต่จริงๆมันควรจะแสดงความรู้สึก

ของตัวเราออกไปมากกว่านั้น แต่เราก็คำนึงถึงตัวผู้อ่านด้วย

ตู่ อย่างการ์ตูนที่สำหรับเด็กอ่านโดยเฉพาะ ก็จะไม่มีโป๊ไม่มีอะไร

ที่ญี่ปุ่นเขาก็ไปเลือกกันเองได้ เพราะมันมีหลายประเภทหลายแนว แต่มองของไทยเรา

ผู้ใหญ่เขาเหมาว่ามันมีอย่างเดียว โป๊หมด

เป๊ก การ์ตูนมันเหมือนเป็นแพะรับบาปไปทุกเรื่อง ถ้ามันไม่ดีอะไรเลว

ก็โทษการ์ตูน ถ้ามองด้วยใจเป็นกลางลองไปอ่านนิยายพวกพ็อกเก็ตบุค มันก็มีหลายเรต

หรือแค่ไปดูหนัง ยิ่งหนังฝรั่งมันก็มีอยู่แล้ว ฉากรุนแรงฉากยิงกันหัวกระจาย

เด็กนี่มันเล่นอินเตอร์เนท มันจะดูอะไรก็ได้

แต่กลับเป็นว่าการ์ตูนถูกเพ่งเล็งมากที่สุด สมัยนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่า

การ์ตูนไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย หรือทำให้เด็กแย่ลงหรอก"

ยืนยันได้ชัดเจนว่า การ์ตูนไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

ที่จะบอกว่าการ์ตูนไม่มีผลกระทบต่อผู้อ่าน

สื่อทุกสื่อมีอิทธิพลต่อผู้รับสารเหมือนกันหมด

สื่อไหนคนจะนิยมมากหรือน้อยไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่าอะไรผิดถูก สำคัญกว่าที่ว่า B.BOYd

ได้ใส่ความคิดอะไรลงไปในสื่อของตัวเอง แล้วไม่ให้เกิดผลเสียตามมา

เอ๊ะ บรรยากาศมันจะซีเรียสเกินไปหรือเปล่า

จะไม่เหมือนการนั่งคุยกันสบายๆอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรกซะแล้ว

ผมสังเกตไปรอบๆห้องทำงานที่เรานั่งกันอยู่นั้น

เต็มไปด้วยเครื่องมือต่างๆสำหรับการเขียน

รูปภาพสเก็ตตัวการ์ตูนหลายใบถูกติดตามฝาผนังห้อง ดูเกะกะแต่ก็สวยงามไปอีกแบบ

พวกเขาทำงานกันอย่างไรนะ

ู่ ก็อย่างพอนึกเนื้อเรื่องได้แล้ว ก็มาออกแบบดูว่าหน้าตามันเป็นยังไง

รับมันได้แค่ไหน จะรักมันได้ไหม ถ้าไม่ได้เราก็ต้องออกแบบอีกจนกว่าจะรับได้

เพราะถ้าเกิดเห็นหน้ามาแล้วก็จะรู้ใจ หากบางทีหน้าไม่ดีจิตใจเขาก็ไม่มองแล้ว

ดังนั้น เราก็ต้องแคร์ตรงนี้ก่อน ดูที่ดีไซน์ก่อน เว้นแต่บางเรื่องอย่างhesheit

ที่นำเสนอในภาพแบบนั้นไปเลย คนอาจจมองว่ามันเขียนแบบนั้นมาได้อย่างไร

เลยต้องลองอ่านดู

จ๊อด คือเรามีวิธีในการนำเสนอของแต่ละคน แต่ละเรื่องแตกต่างกัน

เราต้องมาประชุมมารวมหัว ทะเลาะกันก่อน ว่าเรื่องนี้จะเอายังไง

ผู้รับผิดชอบเรื่องนั้นๆ เขาคิดออกมาว่าอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ตัวพี่บอยที่เป็นหัวหน้า ก็จะมีแนวคิดเสริมที่แปลกออกไป

เสร็จแล้วเราก็เคาะไปที่ฝ่ายดีไซน์ให้คิดมา

ตู่ ยกตัวอย่างให้เห็น อย่างการ์ตูนsi-gum คือคนเขียนนี่เขาไม่เคยเขียนการ์ตูนเลย

เขาจะเขียนพวกภาพล้ออะไรดีมาก แล้วเขาเอางานมาเสนอ แล้วลายเส้นเขาสวยคล้ายอาจารย์

ประยูร ซึ่งมันไทยมาก พอเขาเขียนตัวละครมาปุ๊บ เขาก็จะเขียนแบ็คกราวน์

เป็นพวกหลังคามุงจาก เป็นควาย คือมันไทยมาก เราก็โอ้โห

ยุคนี้แล้วใครจะสนใจเรื่องเหล่านี้ แต่ด้วยลายเส้นแบบนี้ ความเป็นไทยแบบนี้

เราลองจับเขามาเปลี่ยนเสื้อผ้าซิ ไปเดินแล้วมีแบ็คกราวน์เป็นสยาม เป็นเมืองดูซิ

สรุปผลที่ได้มันเป็นความแปลก คือมันมีความเป็นไทยมาก และมันก็เป็นสากลด้วย

เป๊ก คนที่รับผิดชอบเรื่องนั้นจะเข้าไปควบคุมเรื่องทั้งหมด

ไม่ใช่ทำเสร็จแค่เขียนอย่างเดียว คนที่ดูแลอาจจะไม่ได้ลงมือเอง

แต่ตัวเขาจะต้องวางแผนจัดระบบเอง_ บางทีหน้าที่มันก็เกี่ยวข้องกัน อย่างพี่จ๊อด

เขามีสไตล์การเขียนอีกแบบที่สามารถเปลี่ยนไปเขียนอีกแนวหนึ่งของคนอื่นได้

อย่างผมจะถนัดด้านการออกแบบให้มันดูน่ารัก สไตล์กราฟฟิค

อย่างพี่ตู่จะอยู่ในขึ้นบริหารแล้ว คอยโปรดิวซ์ดูว่ามันจะเป็นอย่างไร

ดูคนเขียนหน้าใหม่ที่จะเข้ามา และคอยสแกนก่อนเลย พอผ่านตัวเขาแล้ว

ก็จะเอามาคุยกันในทีมงานดูก่อน ว่าคนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าไม่มีปัญหาเราก็มาร่วมงานกันได้"

เมื่อสักครู่คุณตู่ พูดถึงความเป็นสากล ทำให้ผมเกิดข้อสงสัยว่า

หากเอ่ยถึงหนังสือการ์ตูนในบ้านเรา ใครๆก็จะนึกถึงภาพการ์ตูนญี่ปุ่นลอยขึ้นมาก่อน

เช่นนี้แล้ว B.BOYd จะทำอย่างไร

เพื่อไม่ให้การ์ตูนที่ทำออกมาถูกคนอ่านนำไปเปรียบเทียบกับของญี่ปุ่น

จนขาดเอกลักษณ์ของตนไป ผมเองมองว่าการถูกมองเช่นนี้ ก็มีผลเช่นกัน

เหมือนอย่างหนังไทยช่วงหนึ่ง ที่พยายามสร้างให้ออกมาดูดี

ทำสไตล์ให้คล้ายหนังฮอลลีวู้ดมากที่สุด แต่ผลลัพธ์ที่ได้

กลับทำให้นายทุนเจ็บตัวไปแล้วหลายเจ้า

เหตุก็มาจากคนดูมองว่าเราเดินตามรอยเขาอย่างเดียว

เป๊ก ผมบอกให้อย่างหนึ่งว่า

สไตล์การเขียนหน้าตาคนเอเชียจะมีส่วนที่ญี่ปุ่นตัดทอนมาแล้ว

ฝรั่งเขาจะจมูกโด่งมาเลย แต่คนเอเชียก็จะหน้าคล้ายกันหมด

ซึ่งการที่มันคล้ายมันเหมือนเนี่ย ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยากเหมือนกัน

ประกอบกับการที่พวกผมโตมาเนี่ย ก็โตมาพร้อมกับการ์ตูนญี่ปุ่น

ซึ่งระยะต่อไปของการทำงานการ์ตูน มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

และซักพักมันก็จะหยุดในความพอดีของเรา เพราะมันเป็นตัวเราแล้ว

แต่มันคงไม่ใช่ภายในปีเดียว เพราะเราเพิ่งจะเริ่มกันมาไม่นาน

เราจะไปมองมาตรฐานจากญี่ปุ่นมาเลยก็ไม่ได้

ตู่ อย่างการ์ตูนใน sea-cret agent สังเกตดูดีๆ มันจะเป็นการ์ตูนลูกครึ่ง

ญี่ปุ่นกับฝรั่งผสมกัน คือเราจะเอาส่วนดีของแต่ละฝ่ายมาใช้

และนักเขียนรุ่นต่อไปเขาก็อาจจะดูงานของเรา

และเอาไปพัฒนาการเขียนเป็นงานของเขาเอง

จนไปเรื่อยๆก็อาจจะอยู่ตัวจนกลายเป็นสไตล์คนไทยก็ได้... จะเห็นได้ชัดจาก Mambo

เราก็พยายามใส่วิถีชีวิตของคนไทยเข้าไป อย่างงานวัด การนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

อะไรอย่างเนี้ย คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยเขียนมันก็เป็นการ์ตูนไทยแล้วล่ะครับ

ยังไงอ่านมันก็ต้องได้กลิ่น

เป๊ก และอีกอย่างหนึ่งคือ ผมอยากจะให้เรามองในลักษณะที่ว่า เออ เราไปมองญี่ปุ่น ณ

วันนี้ แล้วมาเทียบกับเราไม่ได้ กว่าญี่ปุ่นจะมาถึงตรงนี้ได้

เขาทำธุรกิจนี้กันมานานมาก ดังนั้นเราก็ต้องไปมองเขานับหนึ่งตอนนั้น

ญี่ปุ่นเขาเขียนกันอย่างไร กว่ามันจะเป็นธุรกิจได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

ปลูกฝังให้คนอ่านสนใจการ์ตูนของเราขึ้นมา

จ๊อด อีกอย่างที่เลี่ยงไม่พ้น คือ ญี่ปุ่นเขาทำแบบแผนไว้ดีแล้ว

คือวิธีวาดอย่างนี้ดีแล้ว กรอบอย่างนี้ คนอ่านดูแล้วรู้เรื่อง

ซึ่งแม้แต่ฝรั่งเองที่มีสไตล์ของเขา ที่จะใช้คำบรรยายเล่าเรื่องแทน

แต่ญี่ปุ่นจะเอาตรงนั้นมาแยกซอยเลย เป็นรายละเอียดให้เห็นชัดซึ่งอิทธิพลตรงนี้

ได้กระจายไปสู่ฝรั่งแล้ว คือจะทำแบบญี่ปุ่นแล้ว

เป๊ก อย่างสไปเดอร์แมน หรือสปอนว์ ก็มีการนำรูปแบบของการ์ตูนญี่ปุ่นเข้ามาใช้

หรือ การ์ตูนแบ็ตแมน ก็มีการนำกราฟฟิคของญี่ปุ่นเข้าไปช่วยด้วย "

ผมซักต่อเนื่องถึงข้อที่ว่า

ตอนนี้คนไทยเริ่มที่จะยอมรับการ์ตูนจากฝีมือคนไทยด้วยกันบ้างแล้วหรือยัง_ คุณจ๊อด

ได้ให้คำตอบที่โดนใจผมเหลือเกิน

บางทีผมก็คิดว่าคนบ้านเราก็เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ

จ๊อด ผมว่ายอมรับในจุดหนึ่งแล้วนะ แต่มันก็ยังมีเปรียบเทียบกันอยู่

เหมือนกับแบบว่า ยังยึดฐานฐิติกันอยู่ คนไทยไม่คอยจะยอมรับกันเอง

จะไปอิงกับต่างชาติมากกว่า ต่างชาติอะไรมันก็ดีหมดล่ะ ตดก็หอม(หัวเราะ)

แต่คนไทยคือมันใกล้ตัวไง มันเห็นกันอยู่ ตาดำๆมันจะทำได้เร้อ

เป็นองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวานไป

เหมือนกับจีบผู้หญิงแล้วเขาคุยด้วย (หัวเราะลั่นกันทั้งโต๊ะ)"

ได้หัวเราะกันบ้างทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น ผมจึงลองตั้งคำถามสมมุติไปว่า

ถ้าให้โจทย์ B.BOYd สร้างการ์ตูนออกมาเรื่องหนึ่งเป็นแนวพีเรียดย้อนยุค

B.BOYdจะทำเรื่องอะไร ปรากฏว่าผมไม่ต้องสมมุติไปแล้ว

เพราะพวกเขาก็มีโปรเจกต์แนวนี้ที่กำลังเตรียมงานกันอยู่จริงๆ

ซึ่งเป็นงานเดียวกับที่ "ท่านมุ้ย" หม่อมเจ้า ชาตรีเฉลิมยุคล กำลังทำอยู่ด้วย

เป๊ก สิ่งที่เราจะทำจริงที่คิดเอาไว้ก็คือ "สุริโยไท"

ซึ่งจริงๆก็กำลังติดต่อกันอยู่

เพราะเราต้องการให้วัยรุ่นสมัยนี้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์ไทยมันน่าสนใจ

อย่างญี่ปุ่น ก็มีเยอะนะเรื่องที่เอาประวัติศาสตร์มาเขียน อย่างไทยเราก็ทำได้ครับ

ทำแล้วต้องอ่านสนุกด้วย_

โดยจุดขายของเราถ้าจะถามจริงๆ ก็คือว่า

อย่างฉากรบพุ่งเราจะเขียนเน้นไปที่การต่อสู้ เหมือนกับการทำหนัง

แต่ละคนมันมีมุมมองต่างกัน อย่างนนทรีย์ ทำนางนาก ก็จะมองจุดที่เป็นเรื่อง เลิฟ

สตรอรี่ ก็จะไม่มีฉากที่ผีนางนากมาหักคอคน เราก็จะนำเสนอในรูปแบบที่เหมือนกัน

ประเด็นก็อยู่ที่การต่อสู้ ฉากใต้ท้องช้างที่ทหารกำลังรบกันอยู่

หรือในส่วนของวังที่อลังการมาก มีช่อฟ้าอะไรอย่างนั้น

เราจะนำเสนอตรงที่เป็นวัฒนธรรมของเราจริงๆ

จ๊อด อย่างคนจะไปโฟกัสที่ว่ารักชาติกู้ชาติ ซึ่งที่จริงมันก็มีศึกในอยู่

คนในมันอิจฉาริษยากัน ใส่ไคร้ ไอ้ตัวพวกนี้มันก็จะทำให้รู้สึกว่ามันสนุกดี

น่าอ่าน เอาเรื่องน้ำเน่ามาผสมเข้าไปบ้าง

ไอ้ที่มันอิจฉาริษยาในวันข้างหน้าเสียกรุงครั้งนี้ใครจะมากู้ ดีกว่าเสนอแค่ว่า

รักชาติ ดูมันก็น่าเบื่อใช่ไหม คนนี้เขารักชาติแต่ไม่รู้ว่าเขารักชาติเพราะอะไร

และทำไมรักชาติถึงเสียกรุงได้ล่ะ เราก็เลยอยากนำเสนออีกแง่มุม

ตรงที่คนดูไม่มองกันเอามาตีแผ่

ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงคุยกันอยู่ เพราะตัวหนังก็ยังไม่ออกฉาย อยู่ในช่วง พรี

โปรดักส์ชั่น ต้องออกแบบตัวละครไปให้ท่านมุ้ยดูก่อน"

พูดคุยมาถึงตรงนี้ ก็มีข้อมูลบางอย่างที่ทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ได้

หลายคนรวมทั้งตัวผมเองก็คงไม่คิดว่า นอกจากB.BOYd จะเขียนการ์ตูนออกมาแล้ว

ยังมีงานอีกหลายด้านที่เกี่ยวกับตัวการ์ตูนที่พวกเขาได้ดำเนินงานควบคู่กันไปด้วย

ทั้งด้านการออกแบบคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนขึ้นมาเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าที่สนใจ

และที่ยิ่งไปกว่านั้นหมายถึงการ์ตูนอนิเมชั่น ใช่ครับ

ตัวการ์ตูนที่สามารถเคลื่อนไหวได้บนจอแก้ว

ู่ ก็เป็นอมิเนชั่น ล้อต๊อก ครับ อยากให้เป็นแก๊กสั้นๆก่อน

หรืออาจจะขยายตอนเป็นเหมือนโดเรมอน เป็นเรื่องๆไป ก็อาจจะประมาณ7 นาที

แล้วก็จะมีอนิเมชั่น ไซเบอร์เกอร์ และก็ทางบริษัทที่ฮ่องกง ที่ทำฟง อวิ๋น

เขาก็สนใจจะให้เราเป็นโปรดักส์ชั่น ทำการ์ตูนให้เขา ก็กำลังคุยๆกันอยู่

งานอนิเมชั่น ตรงนี้กำลังคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่ ตกลงกันว่าโปรดักส์ชั่น

จะไปอยู่ที่ไหน เขาก็ยื่นมาแล้วว่าอยากเอาไปทำเองด้วยจะให้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ

แต่ทางเราก็อยากที่จะเรียนรู้เองจะได้รู้อะไรด้วย ตอนนี้ก็คุยกันอยู่ครับ

ในงานปัจจุบันตอนนี้ก็มีหลายที่มาก ที่เขาอยากได้การ์ตูนเรา

อย่างบางงานเขาก็ติดต่อให้เราทำอนิเมชั่นโฆษณาให้บ้าง"

มีทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง แจ้งถึงกำหนดประชุมตามเวลา

ก็คงอีกไม่นานนักจากนี้ พอดีกับที่ผมรู้ตัวว่าควรจะหยุดการสัมภาษณ์ได้เสียที

แต่ก่อนจากกันผมก็เก็บเอาคำพูดบางประโยคจากทีม B.BOYd Characters. ทั้ง3คนไว้

ซึ่งเหมือนจะเป็นสิ่งที่บอกถึงความต้องการ ความฝันอันสูงสุดของพวกเขา...

" เราคิดการ์ตูนเรื่องอะไร แนวไหนก็ได้ให้คนอ่านนั้นรักมัน

เหมือนกับเรารักการ์ตูนต่างประเทศที่เราอ่าน เหมือนเด็กๆอ่านโดเรมอน

แล้วอยากเขามีโดเรมอนบ้างจังเลย มันก็เหมือนกันนะครับ

ความใฝ่ฝันของเราก็อยากให้คนคนไทยได้อ่านการ์ตูนไทย

แล้วรักในตัวละครในคาแรกเตอร์ทุกตัวที่เราทำ

อยากจะทำให้มันได้ระดับดิสนีย์ เหมือนกัน เป้าหมายของคนเขียนการ์ตูน

ก็คงเป็นอย่างนั้น"

สิ่งที่ผมสงสัยตั้งแต่แรกว่าเพื่อนผมคนนั้นพูดเกินจริงไปหรือเปล่า

ตอนนี้ผมหายข้องใจแล้ว และคงจะกลับไปพูดประโยคเดียวกับเพื่อนได้อย่างเต็มปากว่า

นี่ฝีมือคนไทยนะ ทำได้ดีทีเดียว คอยดูต่อไปซิ ดังแน่._


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวนี้ ตัวโปรด

เป๊ก การ์ตูนอีโร่ก็ชอบ ไอ้มดแดง เพราะมีมาจากการ์ตูนก่อน ถึงจะทำเป็นหนัง

มันเกิดมาไล่เลี่ยกันมาก_ อิชิโนมูริ เป็นคนออกแบบ มันเจ๋งตรงที่ว่า

จากการ์ตูนมันสามารถกลายมาเป็นหนังมีคนแสดงได้

ตู่ ถ้าเป็นแนวสบายใจ ผมชอบโดเรมอน ดูแล้วรู้สึกว่าอยากเป็นโนบิตะ สบาย

มีคนคอยช่วย ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องเครียดเรื่องโน้นเรื่องนี้

ว่างๆก็เดินไปสวนสาธารณะ_ นั่งเล่น หนีไจแอนท์บ้าง สนุกดี

จ๊อด ในคาแรกเตอร์แล้ว ผมชอบ อุลตร้าแมน กับไอ้มดแดง

ชอบไอ้มดแดงตรงที่มันเหมือนคนพิการนะ ถูกจับตัวไปแปลง แต่ก็ยังรักความยุติธรรม

อย่างอุลตร้าแมน เป็นมนุษย์ต่างดาว แต่กลับเหาะมาช่วยโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแท้ๆ